Daily news
ประโยชน์และคุณสมบัติของก๊าซธรรมชาติ
01:43:003.3.1 มีคุณสมบัติเป็นสารไฮโดรคาร์บอน เนื่องจากเกิดจากการถับถมของซากสิ่งมีชีวิตนับล้านปี
3.3.2 โดยปกติจะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่เพื่อเป็นการเตือนภัยให้รู้ในกรณีที่ก๊าซเกิดการรั่วไหล จึงมีการเติมกลิ่นเข้าไป
3.3.3 เบากว่าอากาศ มีค่าความถ่วงจำเพาะประมาณ 0.5-0.8 ทำให้สามารถลอยขึ้นไปสู่ที่สูงได้เมื่อเกิดการรั่วไหล ไม่เกิดการสะสมบนพื้นราบ
3.3.4 มีสถานะเป็นก๊าซที่อุณหภูมิและความดันบรรยากาศ และสามารถทำให้เป็นของเหลวได้โดยการลดอุณหภูมิและความดัน
3.3.5 มีความสามารถในการติดไฟ ช่วงการติดไฟที่ร้อยละ 5-15 ของปริมาตรในอากาศ
3.3.6 มีคุณสมบัติในการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ไม่มีเขม่า จึงถือว่าเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งจะได้มาโดยกระบวนการทดลองในห้องปฏิบัติการนั่นคือ ค่าความร้อน (calorific value) โดยทั่วไปการกำหนดค่าความร้อนของเชื้อเพลิงจะเป็นการเปรียบเทียบค่าความร้อนกับเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ในหน่วยความร้อนบริติช (British thermal unit, Btu) ต่อลูกบาศก์ฟุต ค่าความร้อนเป็นคุณสมบัติของเชื้อเพลิงทุกชนิดที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการให้ความร้อนของเชื้อเพลิงชนิดนั้นๆ ซึ่งเชื้อเพลิงแต่ละชนิดจะมีค่าความร้อนไม่เท่ากันและเชื้อเพลิงชนิดเดียวกันแต่มาจากแหล่งต่างกันอาจมีค่าความร้อนต่างกัน ค่าความร้อนของเชื้อเพลิงแต่ละชนิดจะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของเชื้อเพลิงนั้นว่ามีปริมาณของธาตุคาร์บอนผสมอยู่มากน้อยเพียงใด เช่น น้ำมันดิบมีจำนวนคาร์บอนในโมเลกุลมากกว่าก๊าซธรรมชาติ ดังนั้นน้ำมันดิบจึงมีค่าความร้อนมากกว่าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งก๊าซธรรมชาติ 1 ลูกบาศก์ฟุตจะมีค่าความร้อนเท่ากับค่าความร้อนที่ได้จากน้ำมันดิบประมาณ 30 ลูกบาศก์เซนติเมตร เป็นต้น นอกจากนี้โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่มีสิ่งเจือปนที่ไม่ติดไฟ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ จะมีส่วนทำให้ค่าความร้อนต่อหน่วยต่ำลง ก๊าซธรรมชาติที่มีสารเหล่านี้เจือปนอยู่ในปริมาณสูงจึงมีคุณค่าและราคาต่ำกว่าปกติ
0 comments